แจกสูตรคิดคอนเทนต์แบบไม่มีวันหมด ฉบับนักการตลาดออนไลน์

ในยุคที่การแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คอนเทนต์ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สำคัญที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าแล้ว ยังสร้างความน่าเชื่อถือ และต่อยอดไปสู่การขายได้ด้วย แต่ก็มีบางครั้งที่หลายๆ คนประสบกับปัญหา หมดไอเดีย ไม่รู้ว่าจะเขียนคอนเทนต์แบบไหนดี
บทความนี้จะช่วยให้การคิดคอนเทนต์ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยสูตรการคิดคอนเทนต์ที่นักการตลาดหลายๆ คนใช้ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือเคยเรียนผ่านคอร์ส Digital Marketing หรืออบรมการตลาดมาก่อน คุณก็สามารถนำไอเดียคอนเทนต์เหล่านี้ไปใช้งานได้ตลอดทั้งปี แบบไม่มีวันหมด

คอนเทนต์นั้น สำคัญยังไง?
คำถามนี้อาจฟังดูพื้นฐาน แต่ในโลกของการตลาดออนไลน์ คำตอบกลับลึกซึ้งกว่าที่คิด เพราะคอนเทนต์ไม่ได้มีไว้แค่ดึงดูดสายตา แต่คือกุญแจที่ช่วยสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ สร้างความน่าเชื่อถือ และผลักดันให้เกิดยอดขายได้ ยิ่งในยุคที่การแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คอนเทนต์จึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ไม่มีใครมองข้ามได้ ซึ่งนักการตลาดที่เคยผ่านคอร์ส Digital Marketing หรืออบรมการตลาดจะทราบดีว่า คอนเทนต์มีบทบาทมากแค่ไหนในการดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ให้ได้ในระยะยาว ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
เป็นกลยุทธ์สำคัญของการตลาดออนไลน์ คือการทำให้คนรู้จักแบรนด์ของเราได้อย่างชัดเจน และจดจำได้เมื่อถึงเวลาตัดสินใจซื้อ วิธีที่ใช้ได้ผลดีคือการสื่อสารผ่านหลายช่องทาง ทั้งโซเชียลมีเดีย โฆษณา ข่าวประชาสัมพันธ์ หรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้มากขึ้น
2. เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
เพราะภาพลักษณ์ขององค์กรมีผลต่อความไว้วางใจของลูกค้า หากสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้า และบริการ ก็จะช่วยให้ลูกค้าเชื่อถือแบรนด์มากขึ้น และยังส่งผลดีต่อความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในระยะยาว
3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า
การมีลูกค้าที่ภักดีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการสื่อสารที่ตรงใจ บริการที่ดี และการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จนลูกค้าเกิดความผูกพัน และเลือกใช้สินค้าหรือบริการของเราอย่างสม่ำเสมอ
4. เพิ่มยอดขาย และเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้า
การตลาดที่ดีต้องไม่ใช่แค่ให้คนเห็น แต่ต้องทำให้คนอยากซื้อด้วย โดยการใช้คอนเทนต์ที่โดนใจ ผสมกับการวิเคราะห์ข้อมูล และเจาะกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อให้มากขึ้น
5. ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google (SEO)
เพราะการมีเว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหา จะช่วยให้คนเจอแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำได้โดยการใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ และเพิ่มความน่าเชื่อถือผ่านลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

หลักคิดให้ได้คอนเทนต์ที่ทรงพลัง
การคิดคอนเทนต์ที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณเข้าใจหลักการพื้นฐาน และวางแนวทางได้ถูกต้อง ก็จะสามารถสร้างเนื้อหาที่ทั้งน่าสนใจและมีคุณภาพได้ และนี่คือ 6 หลักการสำคัญที่คุณควรรู้
1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด
โดยศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร ต้องการอะไร และสนใจเรื่องแบบไหน จากการรีเสิร์ช การดู Insight จากแพลตฟอร์ม หรือการใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้คอนเทนต์ตอบโจทย์การทำการตลาดออนไลน์ และเข้ากับบริบทของแบรนด์
2. กำหนดวัตถุประสงค์ของคอนเทนต์ให้ชัด
แต่ละโพสต์ควรมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่โพสต์เพราะต้องโพสต์ เช่น อยากให้ความรู้ อยากขายของ อยากสร้างแบรนด์ หรือเพิ่มการมีส่วนร่วม คอนเทนต์จะได้มีทิศทางที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้จริง ซึ่งเทคนิคการกำหนดเป้าหมายแบบนี้มักถูกสอนในคอร์ส Digital Marketing และการอบรมการตลาด เพราะถือเป็นรากฐานสำคัญของการทำแคมเปญ
3. สร้างคุณค่าให้คนรู้สึกว่าอยากแชร์
เนื้อหาที่ดีต้องมีประโยชน์ ตอบโจทย์ หรือให้บางอย่างกับคนดู ไม่ว่าจะเป็นความรู้ มุมมองใหม่ หรือวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้คนจดจำ และอยากบอกต่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดออนไลน์ต้องทำให้ได้ เพื่อใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีคุณภาพ
4. ใช้ภาษาที่เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นคำที่สวยหรู หรือเป็นคำที่วิชาการเกินไป แต่เป็นคำที่เข้าใจง่าย สื่อสารตรงจุด และมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เพราะคอนเทนต์ที่คนอ่านแล้วรู้สึกถูกใจมักเกิดจากภาษาที่เขาคุ้นเคย
5. ทำให้น่าสนใจ ไม่ใช่แค่มีสาระ
ภาพดี วิดีโอดี หรือการออกแบบที่น่าดู ล้วนทำให้คอนเทนต์ถูกสนใจได้มากขึ้น ยิ่งถ้าสื่อออกมาได้ตรงอารมณ์ ยิ่งเพิ่มพลังให้ข้อความหลักที่ต้องการสื่อ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำการตลาดออนไลน์ในยุคที่ผู้ชมมีทางเลือกนับไม่ถ้วน
6. ทำให้หาเจอได้ง่าย
อย่าลืมว่าสาระดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ถ้าคนหาไม่เจอ ดังนั้นควรใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง (SEO) ทั้งในหัวข้อ แคปชั่น หรือเนื้อหา เพื่อให้คอนเทนต์มีโอกาสขึ้นหน้าแรก และถูกเสิร์ชเจอในเวลาที่คนต้องการ

10 ไอเดียคอนเทนต์ เพิ่มยอดไลก์-ปั้นยอดขาย
พอรู้หลักการคิดแล้ว ทีนี้ก็มาถึงช่วงต่อยอดไอเดียกันแล้ว และต่อไปนี้คือ 10 ไอเดียคอนเทนต์ที่หยิบใช้ได้ตลอดปี โดยเฉพาะสำหรับคนทำการตลาดออนไลน์ หรือครีเอเตอร์ที่ต้องคิดโพสต์บ่อยๆ สามารถเอาไปดัดแปลงใช้ได้ ทั้งบน TikTok, Facebook, IG หรือแม้แต่เว็บไซต์ของแบรนด์เอง
1. คอนเทนต์ถาม-ตอบ (Q&A Content)
คอนเทนต์ประเภทนี้ช่วยตอบคำถามที่ลูกค้ามักสงสัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้ โดยเน้นการสร้างความเข้าใจ และลดความกังวลให้กับลูกค้า ดังนั้นการนำเสนอข้อมูลแบบตรงประเด็น และครอบคลุมจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับแบรนด์ ตัวอย่างเช่น
• สรุปทุกข้อสงสัยจากคอร์ส Digital Marketing ที่คนถามกันบ่อยที่สุด
• รวมคำถามโลกแตกของคนที่ยังไม่เคยเรียน Performance Marketing Course
• Q&A รวมทุกคำถามยอดฮิตของคนทำการตลาดออนไลน์ ฉบับเข้าใจง่ายในโพสต์เดียว
2. คอนเทนต์รีวิวจากลูกค้า (Authentic Review Content)
การนำเสนอประสบการณ์จริงจากลูกค้าที่เคยใช้สินค้า บริการ หรือเรียนคอร์สต่างๆ กับแบรนด์ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าใหม่ได้ ตัวอย่างเช่น
• 1 วันกับคอร์ส Digital Marketing ของ Rightlane ได้อะไรบ้างมาดูกัน
• แชร์ประสบการณ์ Performance Marketing Course มือใหม่ก็เรียนได้
• รวมรีวิวอบรมการตลาดกับ Rightlane เนื้อหาครบ สอนจบนำไปใช้ได้จริง
3. คอนเทนต์ให้ความรู้ (Educational Content)
คอนเทนต์ประเภทนี้ช่วยให้แบรนด์กลายเป็นแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือ โดยควรนำเสนอข้อมูลที่เข้าใจง่าย และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เน้นเรื่องที่มีประโยชน์ ใช้ได้จริง และเชื่อมโยงกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจหรือกำลังค้นหาอยู่ โดยไม่หลุดจากความเป็นแบรนด์ ตัวอย่างเช่น
อบรมการตลาด สรุปเนื้อหาอบรมการตลาดใน 1 หน้า เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง
• รวมเทคนิคที่ได้หลังจากเรียน Performance Marketing Course
• 5 สิ่งที่คนกำลังมองหาคอร์ส Digital Marketing ควรรู้ก่อนสมัคร
4. คอนเทนต์ Emotional (Emotional Content)
ใช้การเล่าเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์ และความรู้สึกของคนอ่าน โดยการเล่าเรื่องที่ช่วยให้คนรู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์ และจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้น ซึ่งคอนเทนต์แบบนี้จะเหมาะมากกับการลงในแพลตฟอร์มโซเชียล ที่ต้องแย่งความสนใจในไม่กี่วินาที ตัวอย่างเช่น
• จาก 0 ถึงยอดขายล้านแรก นักการตลาดมือใหม่ที่เริ่มต้นจากคอร์ส Digital Marketing
• เบื้องหลังแคมเปญการตลาดออนไลน์สุดปัง ที่ไม่ได้เริ่มจากความเก่ง แต่เริ่มจากคำว่า “ลองดูสักตั้ง”
• เคยคิดว่าการยิงแอดต้องมีทีมใหญ่ จนเรียน Performance Marketing Course แล้วรู้ว่าไม่จำเป็น
5. คอนเทนต์ How-to (How-to Content)
สร้างคอนเทนต์สอนขั้นตอนหรือวิธีการทำสิ่งต่างๆ อย่างละเอียด โดยเน้นความชัดเจน ความเข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งวิธีนี้จะคล้ายกับคอนเทนต์ให้ความรู้ คือจะช่วยให้คนอ่านสามารถเรียนรู้ และทำการตามคำแนะนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น
• วิธีวางแผนยิงแอดแบบมืออาชีพ ด้วยแนวคิดจาก Performance Marketing Course
• สอนมือใหม่ใช้งาน Google Analytics ให้เก่งเหมือนอบรมการตลาดมาก่อน
• ลงโฆษณาออนไลน์อย่างไรให้ได้ผล โดยใช้หลักคิดจากคอร์ส Digital Marketing
6. คอนเทนต์ตามเทศกาล (Seasonal Content)
การทำคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับเทศกาลหรือช่วงเวลาสำคัญ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ วาเลนไทน์ หรือวันสำคัญต่างๆ ช่วยให้แบรนด์ดูใกล้ชิดกับผู้คนมากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วมจากกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนมักสนใจคอนเทนต์ที่เข้ากับบรรยากาศในช่วงเวลานั้นๆ ตัวอย่างเช่น
• วางแผนยิงแอดต้อนรับวาเลนไทน์ ด้วยสูตรจาก Performance Marketing Course
• 5 ไอเดียคอนเทนต์ขายคอร์ส Digital Marketing ในช่วงสงกรานต์
• รวมไอเดียโพสต์วันปีใหม่ ไปเที่ยวพักใจก็เข้าอบรมการตลาดได้
7. คอนเทนต์ Case Study (Case Study Content)
แชร์กรณีศึกษาจริงของลูกค้าที่เคยใช้สินค้าหรือบริการของคุณ แล้วประสบความสำเร็จ โดยเล่าว่าเขาเจอปัญหาอะไร ใช้วิธีแก้ปัญหาแบบไหน แล้วได้ผลลัพธ์ดีขึ้นอย่างไร ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ช่วยให้คนเห็นภาพชัดว่าธุรกิจของคุณช่วยแก้ปัญหาได้จริง และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น
• เรื่องจริงจากเจ้าของธุรกิจ อบรมการตลาดแค่ไม่กี่วัน แต่เปลี่ยนยอดขายทั้งไตรมาส
• เปิดผลลัพท์แอดที่เปลี่ยนไป หลังจากเข้าเรียน Performance Marketing Course
• จากแบรนด์เล็ก สู่แบรนด์ปัง เรียนคอร์ส Digital Marketing จบ ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเท่าตัว
8. คอนเทนต์ Trend (Trend Content)
คอนเทนต์อัปเดตเทรนด์ ช่วยให้แบรนด์ตามทันสิ่งที่ลูกค้ากำลังสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกระแสในสังคม เทคโนโลยีใหม่ หรือเทรนด์การตลาดล่าสุด ซึ่งการเล่าเทรนด์ผ่านมุมมองของแบรนด์ ไม่ใช่แค่ช่วยให้คนอ่านอัปเดต แต่ยังสะท้อนว่าแบรนด์ทันกระแส และเข้าใจโลกด้วย ส่งผลให้แบรนด์น่าเชื่อถือ และกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ในใจลูกค้าโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น
• 5 อินไซต์ใหม่จากคอร์ส Digital Marketing ที่ช่วยให้คุณวางแผนคอนเทนต์ได้แม่นยำขึ้น
• เทรนด์เรียนออนไลน์กำลังมา! อยู่ไหนก็ยิงแอดเป็นได้ ถ้าเรียน Performance Marketing Course
• 10 คอร์สอบรมการตลาดอัปเดตใหม่ ที่นักการตลาดควรเรียนก่อนใคร
9. คอนเทนต์ Behind-the-Scenes (Behind-the-Scenes Content)
การเปิดเผยเบื้องหลังการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการผลิต การวางแผนแคมเปญ หรือบรรยากาศการทำงานของทีม จะช่วยให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือ และเข้าถึงง่ายมากขึ้น รวมถึงยังช่วยเพิ่มภาพจำที่ดี และสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้โดยไม่ต้องขายของตรงๆ ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น
• เปิดเบื้องหลังก่อนจะมาเป็นเวิร์กช็อปคอร์ส Digital Marketing
• กว่าจะได้คอนเทนต์โปรโมต Performance Marketing Course ต้องทำอะไรบ้าง มาดูกัน
• บรรยากาศคลาสอบรมการตลาดที่เปลี่ยนมือใหม่ให้เข้าใจโลกการตลาดออนไลน์มากขึ้น
10. คอนเทนต์ตามกระแส (Real Time Content)
คอนเทนต์ตามกระแส เป็นกลยุทธ์ที่หยิบเหตุการณ์หรือประเด็นที่คนกำลังพูดถึงในตอนนั้น มาทำเป็นคอนเทนต์ เพื่อให้แบรนด์ดูทันสมัย เข้าใจโลก และเชื่อมโยงกับผู้คนได้มากขึ้น และยิ่งโพสต์เร็วเท่าไหร่ และครีเอทีฟมากแค่ไหน ก็จะช่วยให้คอนเทนต์มีโอกาสเป็นไวรัล และเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ตัวอย่างเช่น
• การทำคอนเทนต์ล้อไปกับซีรี่ส์ หรือเพลงที่กำลังเป็นกระแสในตอนนั้น
• ทำคอนเทนต์ที่ใช้แผ่นเสียง Tiktok ที่กำลังมาแรง
• ใช้วันสำคัญที่ไม่เป็นทางการ เช่น วันแมวโลก มาทำคอนเทนต์เล่นกับพฤติกรรมผู้บริโภค

บทสรุป
การคิดคอนเทนต์ให้โดนใจไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ถ้าเข้าใจหลักการพื้นฐาน และมีไอเดียที่ดีอยู่ในมือ ซึ่งหวังว่า 10 ไอเดียที่เรารวบรวมมาในวันนี้ ทุกท่านจะสามารถนำไปต่อยอด และสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสำหรับการตลาดออนไลน์ได้ เพราะคอนเทนต์ที่ดีไม่ใช่แค่ดึงดูดสายตา แต่ต้องสื่อสารตรงจุด ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และสอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ของคุณในระยะยาว
สำหรับใครที่สนใจ คอร์ส Digital Marketing อบรมการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายผ่านหน้าเว็บไซต์ ยิงแอดครบทุก Platform พร้อมทั้งการวิเคราะห์ Conversion ด้วย data analytics ทั้งรูปแบบคอร์สเรียนออนไลน์, คอร์สเรียนแบบส่วนตัว หรือ In-House Training
ติดต่อสอบถามข้อมูล กับ Right Lane Academy ได้ที่
โทร : +66 (0) 94-616-3651 K.Por (Admin Rightlane)
Line : @rightlane
Facebook : https://www.facebook.com/RightLaneAcademy

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *